รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน ร่วมติดตามการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดเพชรบุรี


วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2565
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดเพชรบุรี

           วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 09.30 น. นางสาวภัทราภรณ์ โสเจยยะ รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เดินทางไปยังศูนย์ปฏิบัติการโครงการจัดพัฒนาที่ดินตามพระราชประสงค์ หนองพลับ-กลัดหลวง ร่วมในพิธีเปิดโครงการ “สร้างป่า รักษ์น้ำ รักษ์ดิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565” โดยมี พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี เป็นประธาน พร้อมด้วย นายอนุวัชรโพธินาม ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 10 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกิจกรรมนี้เกิดจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ร่วมกันจัดทำโครงการด้านการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ การอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้วยการปลูกต้นไม้เพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ โดยน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงให้ความสำคัญกับป่าไม้และพระราชปณิธานอันแน่วแน่ในการแก้ไขปัญหาวิกฤติสิ่งแวดล้อมของประเทศ

           โอกาสนี้ องคมนตรี และคณะฯ เยี่ยมชมพื้นที่ปลูกป่าพื้นที่ 360 ไร่ ภายในบริเวณศูนย์ปฏิบัติการโครงการจัดพัฒนาที่ดินตามพระราชประสงค์ หนองพลับ-กลัดหลวง ซึ่งพื้นที่โครงการแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ส่วน ได้แก่ พื้นที่อุดมสมบูรณ์ดินดีเหมาะแก่การเพาะปลูก จัดสรรให้ราษฎรอยู่อาศัยและทำกิน โดยแบ่งเป็นหมู่บ้านสหกรณ์ จำนวน 11 หมู่บ้าน และพื้นที่อุดมสมบูรณ์น้อยกว่าให้จัดเป็นพื้นที่สาธารณะ เช่น แหล่งน้ำ มีการปรับปรุงพื้นที่พร้อมจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ นอกจากนี้โครงการฯ ยังได้ส่งเสริมอาชีพและรายให้แก่สมาชิกโดยนำเครื่องมือเข็มทิศสร้างสุขเพื่อนำทางการพัฒนา และใช้ Smart A4 เป็นเครื่องมือในการวางแผนพัฒนาศักยภาพของสมาชิกอีกด้วย จากนั้น องคมนตรี และคณะฯ เดินไปทางไปยังโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านป่าละอูอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รับฟังรายงานสรุปผลการดำเนินงานด้านแหล่งน้ำ สถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และพบปะพูดคุยกับราษฎรผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ

           ในช่วงบ่าย องคมนตรี และคณะฯ เดินทางไปยังสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์คห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นสหกรณ์ในพื้นที่โครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ ป่าเด็ง-ป่าละอู ได้รับการจดทะเบียนเป็นประเภทสหกรณ์การเกษตร เมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2534 ต่อมาได้ขอจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็นสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์คห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2539 ปัจจุบันมีสมาชิก 628 ราย ดำเนินธุรกิจหลัก คือ รวบรวมน้ำนมดิบจากสมาชิกเลี้ยงโคนม 111 ราย มีโคนม จำนวนประมาณ 3,396 ตัว โดยมีโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นม แยกเป็น แปรรูปนมผงชนิดเต็มมันเนย และแปรรูปนมพาสเจอร์ไรส์ (นมโรงเรียน) นอกจากนี้ สหกรณ์ยังได้ดำเนินธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย โดยมีซุปเปอร์มาร์เก็ตสหกรณ์ จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสัตว์ เวชภัณฑ์ยาสัตว์ บริการแก่สมาชิกและบุคคลทั่วไป

           จากนั้น องคมนตรี และคณะฯ เดินทางไปยังแปลงเกษตรอินทรีย์สมาชิกสหกรณ์การเกษตรห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด นายสมประสงค์ นาคดี หมู่ที่ 2 บ้านฟ้าประทาน ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ ซึ่งมีพื้นที่การเกษตร 10 ไร่ แต่เดิมเป็นเกษตรกรทำการเกษตรแบบใช้สารเคมี ต่อมาประสบปัญหามีหนี้สิน ประกอบกับสภาพร่างกายทรุดโทรม จึงได้มาทำงานพัฒนาเยาวชน และผันตัวเองมาทำงานพัฒนาผู้ใหญ่ จากนั้นได้เข้ามาทำงานในโครงการชุมชนเป็นสุข โดยได้พูดคุยกับชาวบ้านแล้วพบว่า ชาวบ้านอยากให้แก้ไขปัญหาอาชีพการเกษตรในพื้นที่ป่าละอู จึงได้เน้นการพัฒนาด้านการเกษตร นอกจากนั้น ยังเป็นหมอดินประจำตำบล และมีโอกาสไปอบรมเรื่องการทำการเกษตรอินทรีย์ และพบช่องทางการตลาดเพิ่มเติม เช่น การส่งขายให้แก่โรงแรมสามพรานริเวอร์ไซต์ และตลาดที่อยู่ใกล้ๆ ตามนโยบายรัฐบาลที่สนับสนุนให้หน่วยงานต่างๆ ใช้ผลผลิตที่ปราศจากเคมี สำหรับการทำการเกษตรเนื่องจากมีพื้นฐานการทำเกษตรอินทรีย์มาแล้วโดยเริ่มต้นวางแผนจัดแบ่งที่ดิน เช่น พื้นที่เลี้ยงสัตว์ พื้นที่แปลงเกษตร ไม้ผล สำหรับแปลงเกษตรมีการปลูกพืชผัก จำนวน 63 ชนิด รวมทั้งมีการวางแผนการปลูกพืชผักที่เหมาะสมกับฤดูกาล นอกจากนี้ ในอนาคตจะดำเนินการปลูกผักในโรงเรือนสำหรับผลิตพืชผักนอกฤดูกาล เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ซื้อ ต่อจากนั้น องคมนตรี และคณะฯ เดินทางไปยังสหกรณ์การเกษตรห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด ซึ่งเป็นสหกรณ์ในพื้นที่โครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ป่าเด็ง-ป่าละอู ได้รับการจดทะเบียน เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2523 ดำเนินธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย (น้ำมันเชื้อเพลิง) ธุรกิจสินเชื่อเพื่อการประกอบอาชีพ ธุรกิจรวบรวมผลิตผล โดยรวบรวมผลผลิตจากสมาชิกส่งเสริมให้สมาชิกรวมกลุ่มอาชีพตามความถนัด เช่น การเลี้ยงโค การเลี้ยงสุกร การปลูกข้าวโพด และปลูกมันสำปะหลัง สหกรณ์ให้การส่งเสริมทางด้านข้อมูลวิชาการ และให้มีการจัดทำบัญชีฟาร์ม เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการติดตามผลประเมินผลสำเร็จ และใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์สายพันธ์ อัตราการเจริญเติบโต ค่าใช้จ่ายและใช้ข้อมูลแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อจัดทำองค์ความรู้ด้านการเกษตรให้แก่สมาชิก ปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกทั้งหมด 1,350 คน

           รายงาน :  กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมพัฒนาที่ดิน 
           ภาพ : สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และ สำนักรองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดินด้านบริหาร กรมพัฒนาที่ดิน 
ชมห้องภาพ

ก่อนหน้ารายการหลัก •: ถัดไป