บทความที่ 23/52
มณฑป กรุดเจริญ เรียบเรียง

               การเกษตรแบบสมัยใหม่ โดยใช้ปุ๋ยและสารเคมีเป็นส่วนใหญ่ ผ่านไปนานปีผลผลิตลดลงเรื่อยๆทุกปี จากการสังเกตของ ยุทธ สีเขียว พบว่า พื้นที่ทำไร่ของตนนั้นดินแห้งและแข็ง ขาดความอุดมสมบูรณ์ ยุทธ เล่าว่า “เมื่อก่อนทำไร่ข้าวโพดเพียงอย่างเดียว ใส่แต่ปุ๋ยเคมีนานวันยิ่งต้องเพิ่มปุ๋ยเคมีมากขึ้นแต่ข้าวโพดก็ไม่งามเหมือนเมื่อก่อน คิดว่าหากทำอย่างนี้ต่อไปคงไม่รอดแน่มีแต่ขาดทุน” ทำให้ยุทธเริ่มสนใจหาความรู้ และวิธีใหม่ๆ เกี่ยวกับการทำการเกษตรเพิ่มขึ้น
               เมื่อปี 2538 ยุทธ สีเขียว ตัดสินใจเข้ามาอบรมเป็นหมอดินอาสากับกรมพัฒนาที่ดิน จากนั้นนำความรู้และผลิตภัณฑ์ของกรมพัฒนาที่ดินไปใช้ในการผลิตปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ และน้ำหมักสมุนไพรเพื่อใช้ปรับปรุงบำรุงดินและเลิกปลูกพืชเชิงเดี่ยว คือการทำไร่ข้าวโพดอย่างเดียวซึ่งราคาไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับตลาด เปลี่ยนมาเป็นการทำสวนผสมซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสวนส้มเขียวหวานอินทรีย์ ซึ่งกลายมาเป็นรายได้หลักเพราะผลผลิตได้รับการยอมรับในคุณภาพปลอดภัยจากสารเคมี
              การปลูกส้มเขียวหวานอินทรีย์สำหรับต้นส้มที่เริ่มปลูกใหม่ เริ่มจากการปรับปรุงบำรุงดินด้วยปุ๋ยหมักที่ผลิตจากสารเร่งซุปเปอร์พด.1 ผสมกับดินในอัตราส่วน 50 ต่อ 50 รองก้นหลุมปลูก ส่วนต้นส้มที่เจริญเติบโตแล้ว จะใส่ปุ๋ยหมักจากสารเร่งซุปเปอร์พด.1 และปุ๋ยหมักจากหมูหลุมปีละครั้ง ในอัตราส่วน อย่างละ 1 กระสอบต่อต้น และมีการใช้น้ำหมักชีวภาพจากสารเร่งซุปเปอร์พด.2 หมักกับเศษปลา ผลไม้ และหอยเชอรี่ ช่วยเร่งการเจริญเติบโตฉีดพ่นทางใบทุกๆ 10 วัน และช่วงที่มีแมลงรบกวน ใช้สารไล่แมลง พด.7 หมักกับสมุนไพรต่าง ๆ เช่น บอระเพ็ด ตะไคร้หอม สาบเสือ สะเดา หางไหล ฟ้าทะลายโจร ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าสถานีพัฒนาที่ดินน่าน นำไปฉีดพ่นต้นส้มเขียวหวาน ทุกๆ 3 วัน
              บนพื้นที่ประมาณ 9 ไร่ ของยุทธ ไม่ได้ปลูกส้มเพียงอย่างเดียว แต่ปลูกพืชเสริมหลายอย่าง มีไม้ผลชนิดอื่นๆ เช่น ลำไย มะม่วง ฝรั่ง ผักปลอดสารพิษ เช่น ผักกาด พริก ตะไคร้ สาระแหน่ กล้วย ผักหวาน มีการเลี้ยงหมูหลุม โดยใช้สารเร่ง พด.6 ผสมกับแกลบดับกลิ่นเหม็นในคอกหมู และยังได้ปุ๋ยหมักอย่างดีจากหมูหลุมนำมาใช้ในสวน และเลี้ยง เป็ด ไก่ ปลา กบ ไว้บริโภคในครัวเรือน และขายเป็นรายได้เสริม ภายในแปลงมีการปลูกหญ้าแฝก เพื่อปรับปรุงดิน รักษาหน้าดิน โดยปลูกรอบโคนต้นเป็นรูปครึ่งวงกลม และปลูกระหว่างแถวต้นส้ม และปลูกรอบสระน้ำเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและกักตะกอนดินป้องกันการตื้นเขินของสระน้ำ ยุทธ เล่าว่า “การปลูกข้าวโพดอย่างเดียวและใช้สารเคมีมีแต่ขาดทุนเรื่อยๆเป็นบทเรียนให้จดจำ เปลี่ยนมาปลูกส้มก็ไม่คิดว่าจะทำแต่ส้มอย่างเดียว คิดว่าควรปลูกพืชชนิดอื่นๆเสริม การทำสวนผสมอย่างนี้ ทำให้มีรายได้ตลอด เมื่อก่อนมองไปมีแต่ข้าวโพดอย่างเดียว ตอนนี้มีผลไม้ ผัก เป็ด ปลา ไว้กินและขายได้ตลอด”
              ปัจจุบันพื้นที่แห่งนี้ได้จัดทำเป็นศูนย์เรียนรู้งานพัฒนาที่ดินตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเป็นแหล่งศึกษาดูงานแก่บุคคลทั่วไปและเผยแพร่ความรู้แก่ชุมชน ซึ่งมีจุดเรียนรู้กิจกรรมการพัฒนาที่ดินต่างๆ ได้แก่ การไถกลบตอซัง การผลิตน้ำหมักชีวภาพ การผลิตน้ำหมักสมุนไพรไล่แมลง การผลิตปุ๋ยหมัก การปรับปรุงบำรุงดินด้วยพืชปุ๋ยสด การปรับปรุงบำรุงดินด้วยปุ๋ยหมัก การอนุรักษ์ดินและน้ำด้วยหญ้าแฝก การใช้พืชหรือวัสดุคลุมดิน การใช้ระบบน้ำหยด โดยมี หมอดินอาสา ยุทธ สีเขียว เป็นวิทยากรระดับพื้นที่เพื่อเผยแพร่ความรู้และประสบการณ์ให้แก่ผู้มาศึกษาดูงาน ยุทธ บอกว่า “การทำเกษตรอินทรีย์ต้องอดทนรอเวลาซักระยะ เมื่ออยู่ตัวแล้วดินดีพืชเขียวงามตลอด เคมีงามดีซักพักก็ต้องฉีดพ่นอีก เรียกว่า งามเร็วโทรมเร็ว เริ่มทำแรกๆไม่มีใครเชื่อผ่านไป 1-2 ปี เริ่มมีผู้สนใจมากขึ้นเรื่อยๆ”
              อีกหนึ่งเกษตรกรที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเกษตรอินทรีย์นั้นทำได้จริง ติดต่อพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ หรือสนใจศึกษาดูงานในพื้นที่ ติดต่อ ยุทธ สีเขียว เลขที่ 186 ม.5 ต.ขึ่ง อ.เวียงสา จ.น่าน หรือที่ สถานีพัฒนาที่ดินน่าน โทร.054 752212