บทความที่ 18/2552
มณฑป กรุดเจริญ เรียบเรียง
ปัจจุบันผู้ปลูกลำไยได้ใช้สารโพแทสเซียมคลอเรต(KClO3) ชักนำให้ต้นลำไยออกดอก เพื่อผลิตลำไยนอกฤดูกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งปริมาณการใช้สารชนิดดังกล่าวมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น
จากการข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตรพบว่ามีเกษตรกรบางส่วนใช้สารโพแทสเซียมคลอเรตเกิน
1 เท่าของอัตราแนะนำ
เนื่องจากมีความเชื่อว่าการให้สารในอัตราสูงจะทำให้ลำไยออกดอกได้ดีแต่ผลที่ได้กลับพบว่า
การใช้สารในอัตราสูงกว่าคำแนะนำมีผลทำให้การออกดอกลดลง 30-40% ขณะเดียวกันยังทำให้มีต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และยังมีสารเคมีตกค้างในดินด้วย
หากใช้ปริมาณมากติดต่อกันหลายปีจะทำให้ต้นลำไยมีปัญหา เช่น ต้นทรุดโทรมเร็ว
หรือเกิดอาการใบเหลืองแล้วแห้งตาย
ในอดีตการผลิตลำไยนอกฤดูบนพื้นที่ จำนวน 11 ไร่ ของ
อินทอง หล่อเถิน ที่ ม.1 บ.หนองสร้อย ต.มะกอก อ.ป่าซาง จ.ลำพูน
ก็เป็นการใช้สารเคมีเพียงอย่างเดียวทั้งสารโพแทสเซียมคลอเรต ปุ๋ยเคมี
สารกำจัดแมลงศัตรูพืช แต่เมื่อได้รับความรู้ในเรื่องของการใช้สารอินทรีย์จากการดูงาน
และเข้ารับอบรมจากที่ต่างๆ จึงเกิดความสนใจศึกษาทดลองทำสารอินทรีย์ไว้ใช้ อินทอง
เล่าว่า เมื่อก่อนใช้เคมีอย่างเดียวดินแห้งแข็ง มีลำใยอยู่ 3
ต้น ที่เป็นอาจารย์ทดลองนำน้ำหมัก ปุ๋ยหมัก
ไปใส่ปรากฎว่าใบเขียวขึ้น ต้นสมบูรณ์ดีกว่าต้นอื่นๆ
จึงรู้ว่าการใช้สารอินทรีย์ร่วมสารกับเคมีสามารถทำได้
และดีกว่าการใช้สารเคมีเพียงอย่างเดียว เพราะนอกจากต้นลำไยสมบูรณ์ขึ้นแล้ว
ปุ๋ยหมัก น้ำหมัก สามารถทำใช้เองได้ต้นทุนไม่สูง
หลังจากทราบแล้วว่าสารอินทรีย์มีประโยชน์ต่อดินและพืชรวมทั้งสามารถทำเองได้
จึงหาทางศึกษาเพิ่มเติมถึงวิธีการผลิตสารอินทรีย์ต่างๆอย่างถูกวิธี
จนได้รับคำแนะนำจากสถานีพัฒนาที่ดินลำพูนในเรื่องของการใช้สารเร่งซุปเปอร์พด.1
ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่มีความสามารถสูงในการย่อยสลายเศษพืชเพื่อผลิตปุ๋ยหมักในช่วงระยะเวลาสั้น
สารเร่งซุปเปอร์พด.2 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีความสามารถในการย่อยสลายเศษพืชผัก
ผลไม้ ปลา หอยเชอรี่ เพื่อผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์น้ำ สำหรับเร่งการเจริญเติบโตของราก
ใบ ลำต้น การออกดอก และติดผล และสารเร่งพด.7 เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติในการเพิ่มประสิทธิภาพการหมักและการย่อยสลายพืชสมุนไพรต่างๆ
เพื่อผลิตสารป้องกันแมลงศัตรูพืช เมื่อได้รับความรู้แล้วจึงนำสารเร่งพด. มาใช้ในการผลิตลำไยนอกฤดูจนประผลสำเร็จ
อินทอง หล่อเถิน
จึงตัดสินใจเข้าร่วมเป็นหมอดินอาสาเพื่อช่วยส่งเสริมความรู้ให้กับเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง
สำหรับการผลิตลำไยนอกฤดู อินทอง แนะนำว่า ก่อนใส่สารโพแทสเซียมคลอเรตต้องบำรุงต้นให้สมบูรณ์
โดยหลังเก็บผลผลิตแล้วต้องใส่ปุ๋ยหมักจากสารเร่งซุปเปอร์พด.1 ซึ่งหมักจากเศษหญ้า กิ่ง และใบลำไยในสวน อัตราส่วนใส่ตามอายุของต้นลำไย 1
ปี ต่อ 1 กก. พอถึงช่วงที่ช่อดอกยาวประมาณ
1 คืบ
ฉีดพ่นยืดช่อดอกด้วยปุ๋ยอินทรีย์น้ำจากสารเร่งซุปเปอร์พด.2 ซึ่งหมักจาก
มะละกอ ฝักทอง กล้วยสุก และปลา โดยใช้ในอัตราส่วนปุ๋ยอินทรีย์น้ำ 1 ลิตร ผสมน้ำ 500 ลิตร
เมื่อลูกลำไยขนาดเท่าหัวไม้ขีดไฟให้ใส่ปุ๋ยหมักอีกครั้ง
และฉีดพ่นปุ๋ยอินทรีย์น้ำอัตราส่วนเท่าเดิม รวมทั้งฉีดพ่นสารป้องกันแมลงศัตรูพืชจากสารเร่งพด.7
ที่หมักจาก สะเดา ตะไคร้หอม ยาสูบ ข่าแก่ ใบยูคาลิปตัส ในอัตราส่วน 1
ลิตร ผสมน้ำ 200 ลิตร ทุกๆ 7 วัน
เมื่อประสบผลสำเร็จในการใช้สารเคมีร่วมกับสารอินทรีย์ อินทอง หล่อเถิน
ในฐานะหมอดินอาสาก็ยินดีถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกรที่สนใจซึ่งนอกจากเรื่องการผลิตลำไยนอกฤดูแล้วในพื้นที่
11 ไร่ยังมีการเลี้ยงปลา
ปลูกผักและไม้ผลอีกหลายชนิดเพื่อเป็นรายได้เสริม
และใช้พื้นที่จัดตั้งเป็นศูนย์เรียนรู้การพัฒนาที่ดินตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อเป็นแหล่งสาธิต
ศึกษา ดูงาน และเรียนรู้ด้านการพัฒนาที่ดินของเกษตรกรในพื้นที่ เช่น
การใช้พืชปุ๋ยสด การผลิตและใช้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์น้ำจากสารเร่งพด. การปลูกหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ
เป็นต้น
อินทอง ฝากถึงเกษตรกรในยุคปุ๋ยราคาแพงว่า ปุ๋ยอินทรีย์ไม่ได้ดีกว่าเคมีแต่ช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ในดินทำให้ปุ๋ยเคมีที่ใส่ลงไปได้ใช้ประโยชน์มากขึ้นไม่ต้องใส่มาก
ทุกวันนี้ใช้เคมีอยู่แต่ใช้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็นแต่ถ้าเกษตรกรทำปุ๋ยหมัก
น้ำหมักชีวภาพสูตรต่างๆ ใช้เองไม่ได้ ก็ลดค่าใช้จ่ายไม่ได้
ติดต่อดูงาน ขอคำแนะนำหรือพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับ หมอดินอาสาอินทอง
หล่อเถิน ได้ที่ 138 ม.1 บ.หนองสร้อย ต.มะกอก
อ.ป่าซาง จ.ลำพูน โทร.086 912 3914 ส่วนข้อมูลรายละเอียดของสารเร่งพด. ต่างๆ ติดต่อได้ที่ฝ่ายเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม โทร.02
579 8515