มณฑป กรุดเจริญ
เรียบเรียง
12 ปี ที่แล้ว บินเดี่ยว ตัดสินใจจากบ้านเกิดที่ตำบลจอมศรี
อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เพื่อหารายได้ที่ดีกว่าการทำไร่ฝ้าย และข้าวโพด
จากจังหวัดเลยเดินทางสู่ภาคใต้เพื่อขายแรงงาน บินเดี่ยว เล่าว่า เริ่มจากทำงานในเหมืองแร่ดีบุกที่บ้านน้ำเค็ม จังหวัดพังงา มีรายได้ไม่ต่ำกว่าวันละ
400 บาท ผ่านไปหลายปี แร่เริ่มหายากก็เลยเลิกทำเหมือง
ไปรับจ้างกรีดยาง เพาะกล้ายาง กล้าพริกไทย และทำอย่างอื่นอีกหลายอย่าง
แต่เงินที่ได้มาก็ใช้หมดไปไม่ค่อยเหลือเก็บเพราะค่าใช้จ่ายในแต่ละวันค่อนข้างสูงไม่เหมือนอยู่ที่บ้าน
และอาชีพขายแรงงานหากวันไหนไม่ไปรับจ้างก็ไม่มีเงิน
ความลำบากต่างๆไม่ใช่อุปสรรคของผู้ชายจากเมืองเลยคนนี้ แต่เป็นเพราะความกตัญญูที่มีต่อผู้ให้กำเนิดทำให้
บินเดี่ยว มูลหล้า ตัดสินใจกลับบ้านเกิด ด้วยเหตุผลง่ายๆ
ที่หลายคนในยุคปัจจุบันนี้อาจลืมไปแล้ว คือการดูแล พ่อ แม่ เมื่อยามแก่เฒ่า บินเดี่ยว
เล่าต่อไปว่า เมื่อกลับมาบ้านก็ทำนาข้าว ข้าวโพด ฝ้าย
มันสำปะหลัง ซึ่งช่วงนั้นราคาผลผลิตตกต่ำ ทางรัฐจึงมีโครงการเกี่ยวกับการชะลอสินค้าเกษตรที่มีราคาตกต่ำ
แล้วส่งเสริมให้เปลี่ยนมาปลูกพืชชนิดอื่นทดแทน และได้รับการสนับสนุนต้นกล้าลำใยจากโครงการดังกล่าวมาปลูก
ไม่นานนักผลผลิตลำใยจาก สวนบินเดี่ยว
ก็สร้างรายได้และชื่อเสียงจนเป็นที่รู้จักกันดีของพ่อค้าและชาวบ้านละแวกนั้น แต่เพราะความประมาทในการใช้สารเคมีในสวนลำใย
ส่งผลให้ บินเดี่ยว มีสารพิษเจือปนในเม็ดเลือดมากจนเกิดอาการป่วยหนัก หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นความคิดทำการเกษตรโดยใช้สารอินทรีย์จึงเริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้น
บินเดี่ยว
เริ่มชักชวนชาวบ้านมาทำปุ๋ยหมักใช้เองแต่ขาดความรู้จึงไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร
เมื่อมีโครงการสร้างโรงปุ๋ยอินทรีย์ของกรมพัฒนาที่ดินที่ตำบลจอมศรี บินเดี่ยว
จึงอาสาเข้าร่วมสร้างโรงปุ๋ยแห่งนี้
ทำให้มีโอกาสได้พบกับเจ้าหน้าที่จากสถานีพัฒนาที่ดินเลย ด้วยความที่เป็นคนขยัน
มีความตั้งใจ จึงได้รับการติดต่อให้เป็นหมอดินอาสา
หลังจากเข้าร่วมเป็นหมอดินอาสาก็ได้นำความรู้จากการอบรมมาถ่ายทอดให้แก่เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง
เช่น การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ บินเดี่ยว แนะนำว่า การผลิตปุ๋ยหมักต้องใช้วัสดุที่มีอยู่ในพื้นที่
ที่นี่ใช้ฟางข้าวเพราะมีมากส่วนที่อื่นอาจใช้ ต้นข้าวโพด กากถั่วเหลือง
หรือวัสดุอื่นๆที่เหลือใช้ในไร่นา สามารถหาได้ง่ายในท้องถิ่นไม่ต้องซื้อ
ส่วนการทำปุ๋ยอินทรีย์น้ำวัสดุที่ใช้หมักนอกจากผลไม้ต่างๆแล้ว อาจหาสัตว์ต่างๆมาหมักได้ตามฤดูกาล
เช่น หอยเชอรี่ จะมีมากช่วงมิถุนายน ถึงกรกฎาคม หรือปูแดง จะมีช่วงกันยายน
ถึงพฤศจิกายน
ปัจจุบันพื้นที่ทำการเกษตรของ บินเดี่ยว
ได้รับเลือกให้เป็นศูนย์เรียนรู้การพัฒนาที่ดินตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง
และบินเดี่ยวยังได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 80 หมอดิน ในโครงการ 80 พรรษา พระภูมินทร์ 80 หมอดิน นำทิศสู่ชีวิตพอเพียง กิจกรรมที่น่าสนใจในศูนย์เรียนรู้ฯแห่งนี้คือการทำไร่นาสวนผสมโดยใช้
ปุ๋ยหมักจากสารเร่งซุปเปอร์พด.1 ปุ๋ยอินทรีย์น้ำจากสารเร่งซุปเปอร์พด.2
สารไล่แมลงจากสารเร่งพด.7 และการใช้ ดินระเบิด ในการบำบัดน้ำเสียในบ่อเลี้ยงปลา
การเลี้ยงสัตว์น้ำสร้างรายได้ให้กับบินเดี่ยวมากพอสมควร โดยเลี้ยงปลาดุก
และกบ ในกระชัง ในบ่อเลี้ยงปลาช่อน ปลานิล ปลายี่สก ส่วนก้อบ่อก็เลี้ยงหอยขม แต่ปัญหาของการเลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อก็คือน้ำเน่าเสียที่มีสาเหตุมาจากโคลนก้นบ่อ
ซึ่งเป็นที่สะสมของเศษอาหารและสิ่งสกปรกต่างๆ บินเดี่ยว บอกว่า การบำบัดน้ำเสียในบ่อเลี้ยงปลาต่างจากการบำบัดน้ำเสียทั่วไปที่บำบัดเพียงแค่น้ำ
แต่ในบ่อเลี้ยงปลาต้องบำบัดที่โคลนก้นบ่อซึ่งส่งผลให้น้ำเสีย
ดินระเบิด เกิดขึ้นจากการรวบรวมความรู้ต่างๆ ที่ บินเดี่ยว ได้เรียนรู้มา
ทำการทดลองอยู่หลายครั้งจึงประสบผลสำเร็จช่วยกำจัดกลิ่นเหม็น และบำบัดน้ำเสียในบ่อเลี้ยงปลาได้
ซึ่งส่วนผสมประกอบด้วย ดินโคลนที่ดีจากก้นบ่อ 10 กก. ทราย 10 กก. ปุ๋ยอินทรีย์น้ำผลิตจากสารเร่งซุปเปอร์พด.2 10 กก. สารเร่งพด.6 1 ซอง รำละเอียด 2 กก. กากน้ำตาล 5 กก. คลุกส่วนผสมเข้าด้วยกันปั้นเป็นก้อนกลมขนาดเท่ากำปั้น ใช้เสื่อหรือกระสอบคลุกไว้ในที่ร่ม
7 วัน และถ้าหากใช้ไม่หมดสามารถเก็บไว้ได้ประมาณ 60 วันโดยใส่ในถังปิดฝาไม่ต้องแน่น
ในบ่อเลี้ยงปลาของ บินเดี่ยว ขนาด กว้าง 13 เมตร ยาว
25 เมตร ใส่ดินระเบิดครั้งแรก 150 ลูก
หลังจากนั้น 10 วัน ใส่อีก 60 ลูก อีก 10
วันใส่อีก 40 ลูก โดยเฉลี่ยแล้วครั้งแรกใช้ 1
ลูกต่อพื้นที่ประมาณ 2 ตารางเมตร
จากนั้นครั้งต่อไปก็ลดปริมาณลงเกือบครึ่งหนึ่ง
ทั้งนี้ปริมาณการใช้มากหรือน้อยนั้นต้องคอยสังเกตุ การเปลี่ยนแปลงของคุณภาพน้ำด้วย
บินเดี่ยว บอกว่า ทุกวันนี้อยู่กับพ่อเพียงสองคนไม่ได้ใช้จ่ายอะไรมาก
สำหรับรายได้จากไร่นาสวนผสมแห่งนี้ใช้แค่พออยู่พอกินเท่านั้น ที่เหลือนำไปปรับปรุงศูนย์เรียนรู้ฯให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อให้ผู้สนใจเข้ามาศึกษาดูงาน ซึ่งหากผู้ที่มาเรียนรู้นำกลับไปปฏิบัติเพียงอย่างหนึ่งแล้วเกิดประโยชน์
ก็รู้สึกภูมิใจแล้ว
สนใจเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้การพัฒนาที่ดินตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ของหมอดินอาสา
บินเดี่ยว มูลหล้า หรือพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ติดต่อได้ที่ 187/4 บ.จอมศรี ต.จอมศรี อ.เชียงคาน จ.เลย โทร.086 142 7529