|
สารคดีที่ 5/2550 |
คนไทยหัวใจพอเพียง ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง |
|
คนไทยเราฝากความหวังไว้กับเศรษฐกิจของโลก หลงเชื่อว่าสักวันหนึ่งทองคำรูปพรรณจะ
กลับคืนสู่ราคาปกติเหมือนดังเมื่อ พ.ศ. 2483 คือ
ราคาทองรูปพรรณหนักบาทละ 20 บาท ครั้งนั้นคนไทย
หารายได้วันละ 25 สตางค์ก็พอกินพอใช้ตลอดวัน
้ำปลาดีตรากุ้งในสมัยนั้นราคาขวดละ 2 สตางค์ ข้าวสาร 5%
กระสอบละ 4 บาท อยู่กันได้ไม่เดือดร้อน |
พอเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 พ.ศ. 2484 2488 เป็นเวลาเพียง
4 ปี สินค้าขึ้นราคาจากราคา ทองคำรูปพรรณหนักบาทละ
20 บาท มาเป็นหนักบาทละ 8,500 บาท
สินค้าหลากหลายขึ้นราคาตาม กันเป็นพรวน สินค้าขึ้นราคาไม่มีหยุด
เมื่อเป็นเช่นนี้บทบาทของ คนไทยภายใต้เศรษฐกิจยุคปัจจุบันจะ ทำใจเย็นอย่างเดิมไม่ได้แล้ว
ต้องถอยมาตั้งต้นชีวิตใหม่ให้สำเร็จภายใน 3 ปี
มิฉะนั้นจะอยู่ในสังคม |
|
หากเศรษฐกิจยังผันผวนอยู่เช่นนี้ ความมั่นคงในอนาคตจะไม่มี
เพราะรายได้มากขึ้นสินค้าจะมี ราคาแพงไล่หลังตามมา ไม่หยุดจะฝากความหวังไว้ที่ลูกหลานเช่นนี้ไม่ได้ |
คุณประมวล หมอดินอาสาจังหวัดศรีสะเกษ
กล่าวว่า เราใจเย็นมานานถึง 65 ปี แล้ว (พ.ศ. 2483
2548) ปัญหาเศรษฐกิจผันผวนไม่หยุดเหลือทางเดียวที่จะแก้ปัญหาได้คือ
กลับมาดำเนินชีวิต ใหม่ทางเกษตรกรรม แบ่งที่ดินออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนที่ 1 ขุดบ่อเลี้ยงปลา 1 ไร่
ที่เหลือปลูกไม้ยืนต้น ให้ครบทุกชนิด เพื่อลดรายจ่ายค่าอาหารลงให้หมด เพราะรายได้หมดไปกับ
การซื้ออาหารในราคาแพง ของชีวิตประจำวันทุกวัน
อันเป็นที่มาให้เกิดความยากจนซ้ำซาก |
|
วิธีดำเนินการ การขุดบ่อเลี้ยงปลาไม่จำเป็นต้องให้อาหารมาก
เพราะสัตว์ที่เป็นอาหารปลาจะลง ไปในบ่อ พอที่ปลาจะกินเป็นอาหารได้ในแต่ละวัน
เช่น ตั๊กแตน หนอน จิ้งหรีด แมลงต่างๆ รวมไป ถึงกบ เขียด การที่สัตว์ต่าง ๆ
เหล่านี้จะลงไปในบ่อ เราจะต้องปลูกผักบุ้งไว้เต็มรอบๆ ขอบบ่อ กลาง
บ่อปลูกบัวกินสายให้เต็มแล้วปล่อยพันธุ์ปลาลงไปเลี้ยง |
ความลึกของน้ำในบ่อเพียง 2 เมตร ก็พอ
บ่อนี้ควรใกล้แหล่งน้ำ สามารถสูบเข้าบ่อได้เมื่อน้ำแห้ง หลังจากปล่อยพันธุ์ปลาลง
เลี้ยงแล้วปล่อยปลาไหลลงไปเลี้ยงเพราะปลาไหลจะมุดอยู่ใต้ดิน |
สิ่งที่ต้องนำไปเลี้ยงในบ่ออีกอย่าง คือ หอยโข่ง หอยขม
ถ้าหาปลาซิวตัวเล็กๆ ปล่อยลงไปด้วย ยิ่งดีให้เหมือนแหล่งน้ำ ธรรมชาติ |
ผักบุ้งที่ปลูกต้องให้คลุมผิวน้ำทั้งหมด เพื่อกันแสงแดดส่องลงไปถึงก้นบ่อจะทำให้ปลาร้อน
ผิว ดินรอบคันบ่อน้ำ ไม้ผลต่างชนิดมาปลูก ให้ครบโดยใช้พันธุ์ไม้ขนิดต่อกิ่งหรือติดตาเพราะไม้ประเภทนี้
ปลูกแล้ว 3 ปีก็ให้ผล |
พื้นที่เหลือนำไม้ผลมาปลูกให้เต็ม อย่าปลูกชนิดเดียว ต้องปลูกหลายชนิด
ทุกฤดูกาลผลไม้ต้อง ให้ผลผลิตออกสู่ตลาดตลอดปี แบ่งพื้นที่ปลูกกล้วยไข่
กล้วยน้ำว้า เป็นพืชเสริมให้ชุ่มชื้นตลอดปี ตามร่มต้นไม้หาข่ามาปลูกให้เต็ม เพราะข่าไม่ต้องการแสงแดดมาก
|
พืชจำพวกทำพริกแกง หามาปลุกให้ครบ
แบ่งพื้นที่ไว้ปลูกผักแต่ละชนิดให้ครบไว้ใช้บริโภค เช่น มะละกอ บวบ มะระ ฯลฯ |
เรียกว่า เพื่อนบ้านเขามีอะไรกินเราต้องมีกินเหมือนเขา
มีกินโดยไม่ต้องซื้อ ปลูกเองกินเองจะ ได้พ้นจากภาวะเศรษฐกิจ ผันผวน ของแพงขึ้นขนาดไหนเราก็อยู่ได้มีทางเลือกทางเดียวนี้เท่านั้น
ที่จะ หลีกให้พ้นจากความวิกฤติในสังคมปัจจุบัน |
การบำรุงรักษา หลังจากปลูกพืชแล้วใช้ปั๊มสูบน้ำขึ้น รดพืชในสวน
พยายามอดทนไปสัก 3 ปี พอไม้ยืนต้นให้ผลผลิตก็จะพ้น จากความยากจนได้เนื่องจากพืชที่ให้ผลผลิตไปทุกเดือนตลอดปี
ส่วน พื้นที่ที่เป็นร่มใต้ต้นไม้ ก็หาพืชที่สามารถเกิดในร่ม ได้มาปลูกให้เต็ม
ทุกตารางเมตร เช่น กระชาย ฯลฯ |
บริเวณกลางแจ้ง ปลูกพืชระยะสั้นคลุมดินให้ชื้นอยู่ตลอดเวลา เช่น กระเพรา
พริกขี้หนู พริกชีฟ้า พืชเหล่านี้ตลาด ยังต้องการ สูง มีราคาคงที่ไม่ขึ้นไม่ลง |
การบำรุงรักษานั้นต้องกำจัดวัชพืชใต้ร่มไม่ให้หมด พอพืชแตกแขนง
กิ่งก้านออกคลุมพื้นที่ หมดแล้ว วัชพืชก็ขึ้นไม่ได้
และหลีกเลี่ยงการปลูกพืชประเภทที่ต้องใช้ยาฆ่าแมลง ยังมีพืชพื้นเมืองอีก
มากที่น่าจะนำมาปลูกโดยไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลง |
ผลที่คาดว่าจะได้ รายได้ประจำวันได้จากการจับปลาขายการขายปลาอย่าจับคราวเดียวหมดบ่อ
เราจับพอที่จะนำเงิน มาใช้เพียงแต่ละวัน
ด้วยการใช้ตาข่ายจับที่เหลือนั้นปล่อยให้โตไปเรื่อยๆ นอกจาก
ปลาแล้วเรายังได้ขายผักที่ปลูกไว้รอบๆ ขอบบ่ออีกด้วย |
ด้านอาหารที่บริโภคประจำวัน เรามีผัก มีปลา มีเครื่องแกงครบ
จะซื้อแต่น้ำปลาอย่างเดียว ค่าใช้จ่ายด้านอาหาร ลดลง เกือบหมด |
การจับปลาและเก็บผักในแต่ละวัน จึงเป็นเงินเก็บทำไปเช่นนี้ตลอดชีวิต
ก็พ้นความยากจนได้ แม้ราคาจะแพงไม่หยุด ก็ไม่เดือดร้อน |
นี่คือ.. แนวทางที่จะนำมาตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตใหม่ของ
คุณประมวล แก้วสว่าง หมอดินอาสา |