สารคดีที่ 2 /2550
ประกิต เพ็งวิชัย รายงาน

คุณวินัย สมศักดิ์ หมอดินอาสาขอนแก่น

          การทำการเกษตรในรูปแบบไร่นาสวนผสม เป็นการทำการเกษตรหลายๆ อย่าง เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ ลดความเสี่ยงทางด้านการตลาดและราคา เน้นการผลิตเพื่อบริโภคหรือใช้สอยในครัวเรือนเป็นอันดับแรก ที่เหลือจึงขายเป็นรายได้ และให้มีผลผลิตออกทั้งรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน และรายปี และนับว่าเป็นหนทางที่สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนได้เป็นอย่างดี

          เกษตรกรหลายคนที่หันกลับมาทำไร่นาสวนผสมจนสามารถยืนหยัดอยู่ได้ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจอย่างปัจจุบัน อย่างเช่น คุณวินัย สมศักดิ์ ปัจจุบันอายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114 หมู่ที่ 1 บ้านละหานนา ตำบลละหานนา อำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น จบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 และบวชเรียนจนได้นักธรรมเอก มีสมาชิกในครอบครัวจำนวน 4 คน ชาย 2 คน หญิง 2 คน มีแรงงานในการทำการเกษตรจำนวน 3 คน มีรายได้เข้ากระเป๋าเกือบทุกวัน ปีละหลายแสนบาท

          คุณวินัย สมศักดิ์ หมอดินอาสาแห่งเมืองดอกคูนเสียงแคน เกษตรกรบ้านละหานนา ตำบลละหานา อำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น เล่าว่าพื้นเพเดิมเป็นคนอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ซึ่งเมื่อประมาณ 14 ปี ที่ผ่านมาได้มาเริ่มตั้งหลักปักฐานอยู่ที่บ้านละหานนา และประกอบอาชีพทำนาและเลี้ยงวัว ด้วยเป็นคนขยัน มีความมานะพากเพียรและชอบริเริ่มทำในสิ่งใหม่ๆ ในปีพ.ศ.2537 จึ่งได้เริ่มทำการเกษตรแบบผสมผสานโดยคิดว่าน่าจะเป็นทางรอดของเกษตรกรและเป็นหนทางแห่งการสร้างความมั่นคงในอาชีพได้

          ความเป็นผู้นำในการประกอบอาชีพการเกษตรนายวินัย จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการต่างๆ มากมายรวมถึงการได้รับการคัดเลือกให้เป็นหมอดินอาสาประจำตำบลละหานนาตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 ด้วยรักในอาชีพการเกษตรและความเป็นผู้นำ ในปี พ.ศ. 2548 ได้รวบรวมสมาชิกจำนวน 120 คน จัดตั้งกลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรียชีวภาพ เพื่อจำหน่ายให้สมาชิกในราคายุติธรรม เพื่อลด ละ เลิกการใช้ปุ๋ยเคมี เป็นการสนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์ตามนโยบายของรัฐบาล และจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชนในนามกลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ บ้านละหานนาในฐานะเป็นหมอดินอาสาประจำตำบลละหานนา นายวินัย สมศักดิ์ ได้ทุ่มเทกำลังกายและกำลังใจในการปฏิบัติงานตามบทบาทหน้าที่ในการเป็นตัวแทนของกรมพัฒนาที่ดินระดับตำบลจนได้รับการเลื่อนฐานะให้เป็นหมอดินประจำอำเภอแวงน้อย และเกียรติบัตรให้เป็นผู้มีความรู้ความสามารถเป็นวิทยากรด้านการพัฒนาที่ดิน

          คุณวินัย ให้ข้อมูลว่า ในระยะแรกเลี้ยงวัวก็มีปัญหาอุปสรรคหลายด้านก็เลยขายวัวไปทั้งหมด หันมาทำเกษตรแบบไร่นาสวนผสมอาศัยตนเองมีประสบการณ์ด้านพืชสวน โดยเฉพาะไม้ผลมาก่อน ก็เลยใช้ไม้ผลเป็นจุดเริ่มต้นในการทำการเกษตรแบบไร่นาสวนผสม

          โดยเริ่มทำไร่นาสวนผสมเมื่อปี 2537 ในปีแรกก็ประสบปัญหาอุปสรรคบ้าง โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งเนื่องจากว่ามีแหล่งน้ำน้อยไม่เพียงพอต่อการปลูกพืช และต้องต่อสู้กับธรรมชาติเรื่อยมา ช่วงแรกก็ปลูกไม้ผล เช่น มะม่วง และมีการปลูกพืชผักสวนครัวบริเวณช่องว่างระหว่างแถวมะม่วง โดยใช้น้ำจากสระน้ำขนาดเล็กใช้ในการรดผักสวนครัว โดยในสระนั้นมีการเลี้ยงปลากินพืช สำหรับไว้เป็นอาหารบริโภคในครัวเรือน เมื่อมะม่วงโตขึ้นก็หันมาผลิตมะม่วงนอกฤดู และได้ทาบกิ่งมะม่วงพันธุ์ดีออกจำหน่ายเป็นรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีการปลูกแฝกรอบๆ สระเพื่อป้องกันการพังทลายของดิน และต่อมาก็ยังขายได้เป็นเงินเกือบหมื่นบาทเลยทีเดียว และคิดว่าในอนาคตข้างหน้าการทำการเกษตรแบบไร่นาสวนผสมจะเป็นแนวทางที่ยั่งยืน

          ปัจจุบันมีพื้นที่ทำการเกษตรทั้งหมด 25 ไร่ โดยแบ่งพื้นที่ตามการใช้ประโยชน์ ได้แก่ ทำนา 8 ไร่ โดยปลูกข้าวหอมมะลิ และกข 6 ผลผลิตเก็บไว้เพื่อบริโภคในครัวเรือน ที่เหลือก็ขายเป็นรายได้ ปลูกไม้ผลหลากหลายชนิดพื้นที่ประมาณ 8 ไร่ ได้แก่ มะม่วง โดยจะผลิตนอกฤดูปีละประมาณ 40-60 ต้น ซึ่งสามารถทำรายได้เป็นเงินประมาณ 100,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีฝรั่ง กล้วยน้ำว้า พุทรา มะขามเทศ ลำไย ทยอยเก็บออกสู่ตลาดเป็นระยะๆ

          แหล่งน้ำพื้นที่ประมาณ 8 ไร่ เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในการเพาะปลูกพืช และเลี้ยงปลากินพืช 15,000 ตัว มีการปลูกพืชผักสวนครัวเพื่อบริโภคในครัวเรือนพื้นที่ประมาณ 2 งาน เลี้ยงวัวแม่พันธุ์ 8 ตัว ซึ่งหากขายก็ได้เงินก้อนโต นอกจากนี้ยังเลี้ยงเป็ดไก่ไว้บริโภคในครัวเรือนกว่า 100 ตัว อีกด้วย

          จุดเด่นของไร่นาสวนผสมแปลงนี้มีหลายอย่าง เช่น ไม่ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและไม่ใช้ปุ๋ยเคมีมานานหลายปีแล้ว โดยใช้วิธีอื่นแทน เช่น พืชสมุนไพรที่ปลูกเอง นอกจากนี้ ยังผลิตปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพใช้เองปีละประมาณ 5,000 ลิตร และร่วมกับสมาชิกจัดทำโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพอัดเม็ดโดยใช้แปลงไร่นาสวนผสมแห่งนี้เป็นที่ตั้งโรงงานขนาดย่อม มีสมาชิก 95 ราย ระดมหุ้นผลิตปุ๋ยอินทรีย์ จำนวน 25 ราย รายละ 2,500-5,000 บาท เป็นเงิน 280,000 บาท ผลิตปีละ 2,000 กระสอบ กระสอบละ 250 บาท เป็นเงิน 500,000 บาท

          คุณวินัย บอกว่า ในการผลิตมะม่วงนอกฤดูจะต้องใช้ปุ๋ยสูตร 0-52-34 เพื่อเร่งดอกและผล แต่เมื่อหันมาทำเกษตรแบบอินทรีย์แล้วก็ได้ใช้ปุ๋ยน้ำหมักแทน ซึ่งสูตรนี้มีคุณภาพใกล้เคียงกันคือ ใช้ฟักทองแก่ กล้วยสุก และมะละกอสุกรวมกัน 40 กิโลกรัม กากน้ำตาล 10 กิโลกรัม น้ำ 10 ลิตร สารเร่ง พด.2 จำนวน 1 ซอง โดยนำส่วนผสมทั้งหมดหมักรวมกันในถังพลาสติก ระหว่างการหมักเปิดฝาคนทุกวันประมาณ 7-10 วัน ก็ใช้ได้โดยนำเอาน้ำที่ได้ 4 ช้อน ผสมน้ำ 10 ลิตร ฉีดพ่นมะม่วงทุก 7 วัน ถ้าอยู่ในระยะผลอ่อนจะทำให้ขั้วเหนียวไม่ร่วงง่าย เร่งการเติบโตของผล ทำให้รสชาติดี ฯลฯ

          สำหรับสูตรในการทำปุ๋ยน้ำหมักเพื่อเร่งการเจริญเติบโต มีส่วนผสมและขั้นตอนการทำดังนี้ หอยเชอรี่ (ทุบให้แตก) และ/หรือพุงปลา 40 กิโลกรัม กากน้ำตาล 10 กิโลกรัม น้ำ 10 ลิตร สารเร่ง พด.2 จำนวน 1 ซอง นำส่วนผสมทั้งหมดหมักรวมกันในถังพลาสติก ระหว่างการหมักเปิดฝาคนทุกวันประมาณ 30 วัน ก็ใช้ได้โดยนำเอาน้ำที่ได้ 4 ช้อน ผสมน้ำ 10 ลิตร ฉีดพ่นหรือรดต้นพืชทุก 7-10 วัน

          นอกจากนี้ ในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพอัดเม็ดก็ยังใช้ปุ๋ยน้ำหมัก หมักกับส่วนผสมซึ่งได้แก่ ปุ๋ยคอก กากขี้อ้อยจากโรงงานน้ำตาลที่ผ่านการหมักมาแล้วกว่า 3 เดือน ปูนโดโลไมต์ และแร่ต่างๆ ได้ที่แล้วนำไปบดแล้วปั้นเม็ดด้วยจานปั้นเม็ด ผึ่งลมพอหมาด (ไม่ตากแดดให้แห้ง เพราะจะทำให้จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ตาย) บรรจุกระสอบ กระสอบละ 50 กิโลกรัม ขายราคากระสอบละ 250 บาท ซึ่งขายดีมาก

          คุณวินัย บอกอีกว่าการทำการเกษตรให้ประสบผลสำเร็จแล้วก็ยังเป็นผู้ที่มีความเสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมมากมาย ได้แก่ ริเริ่มจัดตั้งกลุ่มแม่บ้านในการแปรรูปผลผลิตทางด้านการเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางด้านการเกษตร เช่น กล้วยฉาบ กล้วยอบเนย ข้าวนางเล็ด ถั่วตัด กะหรี่ปั๊บ เป็นต้น

          โดยมีภรรยาเป็นประธานกลุ่ม เป็นประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล เป็นหมอดินอาสาประจำตำบลและเป็นประธานหมอดินระดับอำเภอ เป็นอาสาสมัครประมงอำเภอ เป็นที่ปรึกษากลุ่มแม่บ้านเกษตรกรละหานนา เป็นกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านละหานนา ใช้แปลงไร่นาสวนผสมเป็นหลักสูตรประจำสถานศึกษาของโรงเรียนท่านางแนววิทยายน โรงเรียนแวงน้อยศึกษา และโรงเรียนห้วยทราย เป็นประธานกลุ่มไร่นาสวนผสมของอำเภอแวงน้อย เป็นแหล่งศึกษาดูงานของเกษตรกรและประชาชนทั่วไป โดยมีผู้มาเยี่ยมชมปีละไม่น้อยกว่า 300 คน เป็นวิทยากรเกษตรกรของหน่วยงานต่างๆ กว่า 40 ครั้ง เป็นอนุกรรมการกองทุนหมู่บ้านระดับอำเภอ และเมื่อปลายปี 2547 อำเภอแวงน้อยได้ประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก ทำให้ข้าวขาดน้ำในระยะออกรวงได้ช่วยเหลือเกษตรกร โดยอนุญาตให้เพื่อนบ้านสูบน้ำจากสระของตนเอง สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ในพื้นที่ประมาณ100ไร่

          ด้วยผลงานและความสำเร็จดังกล่าว คุณวินัย สมศักดิ์ หมอดินอาสาประจำอำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น จึงได้รับการคัดเลือกให้เป็นเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาการพัฒนาที่ดิน ประจำปี 2550 ดังนั้น หากท่านใดสนใจอยากจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อได้ที่สถานีพัฒนาที่ดินขอนแก่น 119/3 หมู่ 14 ถนนมิตรภาพ ตำบลในเมือง จังวหัดขอนแก่น 40000 โทร.043-246-759,043-246668